ไบโอม (biomes) หรือชีวนิเวศ หมายถึง ระบบนิเวศที่มีองค์ประกอบของปัจจัยทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และปัจจัยทางชีวภาพที่คล้ายคลึงกัน

ประเภทของไบโอม
แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ไบโอมบนบก
2. ไบโอมในน้ำ
ไบโอมบนบก
แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่
1. ไบโอมป่าดิบชื้น
2. ไบโอมป่าผลัดใบในเขตอบอุ่น
3. ไบโอมป่าสน
4. ไบโอมทุ่งหญ้าเขตอบอุ่ม
5. ไบโอมสะวันนา
6. ไบโอมทะเลหราย
7. ไบโอมทุนดรา
ไบโอมในน้ำ
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ไบโอมน้ำจืด
2. ไบโอมน้ำเค็ท
ไบโอมบนบก (terrestrial biomes)
ใช้เกณฑ์ปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิเป็นตัวกำหนด ไบโอมบนบกที่มีอยู่ในโลกนี้ที่สำคัญที่จะกล่าวถึง
>ป่าดิบชื้น (tropical rain forest)

พบได้ในบริเวณใกล้เขตเส้นศูนย์สูตรของโลกในทวีปอเมริกากลาง ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชียตอนใต้ และบริเวณบางส่วนของหมู่เกาะแปซิฟิก ลักษณะของภูมิอากาศร้อนและชื้น มีฝนตลอดปี ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 200-400 เซนติเมตรต่อปี ในป่าชนิดนี้พบพืชและสัตว์หลากหลายนับพันสปีชีส์ เป็นป่าที่มีอุดมสมบูรณ์สูงมาก
>ป่าผลัดใบในเขตอบอุ่น (temperate deciduous forest)

พบกระจายทั่วไปในเขตละติจูดกลาง ซึ่งปริมาณความชื้นเพียงพอที่ต้นไม้ใหญ่จะเจริญเติบโตได้ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 100 เซนติเมตรต่อปีและมีอากาศค่อนข้างเย็น ในป่าชนิดนี้ต้นไม้จะทิ้งใบหรือผลัดใบก่อนที่จะถึงฤดูหนาวและจะเริ่มผลิใบอีกครั้งหลังจากฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว ต้นไม้ที่พบมีหลากหลายทั้งต้นไม้ ไม้พุ่ม รวมถึงพืชล้มลุก
>ป่าสน(coniferous forest)

ป่าสน ป่าไทกา (taiga) และป่าบอเรียล (boreal) เป็นป่าประเภทเดียวกันที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดปี พบได้ทางตอนใต้ของแคนาดา ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป ในเขตละติจูดตั้งแต่ 45-67 องศาเหนือ ลักษระของภูมิอากาศมีฤดูหนาวค่อนข่างยาวนาน อากาศเย็นและแห้ง พืชเด่นที่พบ ได้แก่ พืชจำพวกสน เช่น ไพน์ (pine) เฟอ (fir) สพรูซ (spruce) และ เฮมลอค (hemlock)
>ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น (temperate grassland)

ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น หรือที่รู้จักกันในชื่อของทุ่งหญ้าแพรี่ (prairie) ในตอนกลางของทวีปอเมริกาเหนือ และทุ่งหญ้าสเตปส์ (steppes) ของประเทศรัสเซีย เป็นต้น สภาพภูมิอากาศมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 25-50 เซนติเมตรต่อปี ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นนี้เหมาะสำหรับการทำการกสิกรรมและปศุสัตว์ เพราะดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงมีหญ้านานาชนิดขึ้นอยู่ ส่วนใหญ่พบมีการทำเกษตรกรรมควบคู่ในพื้นที่นี้ด้วย
>สะวันนา (savanna)

สะวันนา เป็นทุ่งหญ้าที่พบได้ในทวีปแอฟริกา ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปออสเตรเลีย และ พบบ้างทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย ลักษณะของภูมิอากาศร้อน พืชที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นหญ้าและมีต้นไม้กระจายเป็นหย่อมๆ ในฤดูร้อนมักมีไฟป่าเกิดขึ้นเสมอๆ
>ทะเลทราย (desert)

ทะเลทราย พบได้ทั่วไปในโลกในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยน้อยกว่า 25 เซนติเมตรต่อปี ทะเลทรายบางแห่งร้อนมากมีอุณหภูมิเหนือผิวดินถึง 60 องศาเซลเซียสตลอดวันบางแห่งค่อนข้างหนาวเย็น พืชที่พบในไบโอมทะเลทรายนี้มีการป้องกันการสูญเสียน้ำโดยใบลดรูปเป็นหนาม ลำต้นอวบเก็บสะสมน้ำ ทะเลทรายที่รู้จักกันทั่วไปได้แก่ ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) ในทวีปแอฟริกา ทะเลทรายโกบี (Gobi) ในประเทศจีน และทะเลทรายโมฮาวี (Mojave) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา
>ทุนดรา (tunda)

ทุนดรา เป็นเขตที่มีฤดูหนาวค่อนข้างยาวนาน ฤดูร้อนช่วงสั้นๆ ลักษณะเด่นคือ ชั้นของดินที่อยู่ต่ำจากผิวชั้นบนลงไปจะจับตัวเป็นน้ำแข็งอย่างถาวร ทุนดราพบทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเซีย พบพืชและสัตว์อาศัยน้อยชนิด ปริมาณฝนตกน้อยมาก ในฤดูร้อนช่วงสั้นๆ น้ำแข็งที่ผิวหน้าดินจะละลาย แต่เนื่องจากน้ำไม่สามารถซึมผ่านลงไปในชั้นน้ำแข็งได้จึงท่วมขังอยู่บนผิวดิน ทำให้ปลูกพืชได้ในระยะสั้นๆ พืชที่พบจะเป็นพวกไม้ดอกและไม้พุ่ม นอกจากนี้ยังพบพวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ เช่น ไลเคนด้วย
ไบโอมในน้ำ (Aquatic Biomes)
ไบโอมในน้ำ ที่พบเป็นองค์ประกอบหลักในไบโอสเฟียร์นั้นประกอบด้วย ไบโอมแหล่งน้ำจืด (freshwater biomes) และไบโอมแหล่งน้ำเค็ม (marine biomes) และพบกระจายอยู่ทั่วเขตภูมิศาสตร์ในโลกนี้
>แหล่งน้ำจืด (Freshwater biomes)

โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่ง เช่น สระ หนองหรือบึง และทะเลสาบกับแหล่งน้ำไหลซึ่งได้แก่ ธารน้ำไหลและแม่น้ำ เป็นต้น
>แหล่งน้ำเค็ม (Marine biomes)

โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำเค็ม ซึ่งได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร ซึ่งพบได้ในปริมาณมากถึงร้อยละ 71 ของพื้นที่ผิวโลก และมีความลึกมากโดยเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร
นอกจากนี้พบว่ายังมีช่วงรอยต่อระหว่างแหล่งน้ำจืดและแหล่งน้ำเค็มมาบรรจบกันทำให้น้ำบริเวณนั้นเป็นน้ำกร่อยและเกิดเป็นแหล่งน้ำกร่อย (estuaries)